Load Test เครน คืออะไร? มีวิธีการตรวจสอบอย่างไร
ในแวดวงอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เครื่องจักรกลหนัก การทดสอบพิกัดยก หรือ Load Test เครน ไม่ใช่แค่ขั้นตอนทางเทคนิค แต่เป็นหัวใจสำคัญของมาตรฐานความปลอดภัยที่กฎหมายกำหนด กระบวนการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อพิสูจน์และยืนยันว่าเครนแต่ละตัวมีความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้ตามพิกัดที่ออกแบบไว้อย่างปลอดภัย การทำความเข้าใจว่าการ Test Load เครน คืออะไร และมีขั้นตอนอย่างไรจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการและผู้ปฏิบัติงานทุกคน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุร้ายแรงให้เป็นศูนย์
ความสำคัญของการทำ Load Test
การทำ Load Test เครน คือกระบวนการทดสอบเชิงปฏิบัติที่สำคัญที่สุดเพื่อยืนยันความปลอดภัยของ เครน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างและประสิทธิภาพของระบบต่างๆ ว่าสามารถรับน้ำหนักได้ตามที่ระบุไว้จริงหรือไม่ การทดสอบนี้เป็นการป้องกันเชิงรุกที่ช่วยตรวจหาข้อบกพร่องที่อาจมองไม่เห็น เช่น รอยร้าวขนาดเล็ก, การสึกหรอของชิ้นส่วน, หรือประสิทธิภาพของระบบเบรกที่ลดลง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุโดยตรงที่อาจนำไปสู่อันตรายจากการใช้เครนที่รุนแรงได้ ดังนั้น การทำ Load Test จึงไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินในสถานประกอบการ
น้ำหนักที่ใช้สำหรับทำ Load Test
ตามข้อบังคับของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน น้ำหนักที่ใช้ในการทดสอบจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประวัติการใช้งานและพิกัดการยกของปั้นจั่นแต่ละตัว
รถเครนที่ผ่านการใช้งานแล้ว
สำหรับเครนที่ใช้งานมาระยะหนึ่งแล้ว จะทดสอบที่น้ำหนัก 1.25 เท่าของน้ำหนักที่ใช้งานจริงสูงสุดเป็นประจำ แต่ต้องไม่เกินพิกัดการยกอย่างปลอดภัย (Safe Working Load: SWL) ที่ผู้ผลิตกำหนด ตัวอย่างเช่น หากปกติเครนตัวนี้ใช้ยกของหนักที่สุดไม่เกิน 8 ตัน น้ำหนักที่ใช้ทดสอบคือ 8 x 1.25 = 10 ตัน
รถเครนใหม่ที่ยังไม่เคยผ่านการใช้งาน
สำหรับเครนใหม่ก่อนเริ่มใช้งาน หรือเครนที่มีการซ่อมแซมใหญ่ในส่วนโครงสร้าง จะต้องทดสอบที่น้ำหนักระหว่าง 1.0 ถึง 1.25 เท่าของพิกัดการยกอย่างปลอดภัย (SWL) เพื่อเป็นการยืนยันว่าเครนมีความสามารถตรงตามที่ผู้ผลิตได้ออกแบบและคำนวณไว้จริง
วิธีการ Test Load เครน
วิธีการ Test Load เครน ต้องดำเนินการโดยวิศวกรเครื่องกลที่ได้รับใบอนุญาตเท่านั้น โดยมีขั้นตอนหลักคือการใช้เครนยกน้ำหนักทดสอบ (Test Weight) ซึ่งอาจเป็นลูกตุ้มน้ำหนักมาตรฐาน หรือวัสดุอื่นที่มีน้ำหนักแน่นอน ในระหว่างที่ทำการยกและเคลื่อนที่ วิศวกรจะตรวจสอบการทำงานของระบบต่างๆ อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของระบบเบรก การตอบสนองของระบบไฮดรอลิก และที่สำคัญคือการเฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเครน เช่น การแอ่นตัวของคาน หรือการบิดงอของแขนบูม เพื่อให้แน่ใจว่าหลักการทำงานเครนทุกส่วนยังคงสมบูรณ์และปลอดภัยภายใต้ภาระหนัก จากนั้นจะมีการบันทึกผลและออกเอกสารรับรองความปลอดภัย (ใบ ปจ.1)
ความถี่ในการตรวจปั้นจั่น
ความถี่ในการทำ Load Test และตรวจสอบปั้นจั่นถูกกำหนดไว้ในกฎหมาย โดยจะแตกต่างกันไปตามประเภทการใช้งานและพิกัดการยก โดยทั่วไป เครนที่ใช้งานในพื้นที่ความเสี่ยงสูงอย่างงานก่อสร้าง จะต้องตรวจสอบบ่อยกว่า (ทุก 3-6 เดือน) ส่วนเครนที่ใช้งานทั่วไปในโรงงานอุตสาหกรรม อาจมีรอบการตรวจสอบทุก 6-12 เดือน การปฏิบัติตามรอบเวลาที่กำหนดถือเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามกฎความปลอดภัย 5 ข้อ ที่ทุกสถานประกอบการต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด
สรุปบทความ
Load Test เครน คือกระบวนการที่ขาดไม่ได้และมีความสำคัญสูงสุดในการยืนยันความปลอดภัยของปั้นจั่น เป็นขั้นตอนที่ถูกบังคับใช้ตามกฎหมายเพื่อพิสูจน์ว่าเครนสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพภายใต้ภาระที่กำหนด โดยไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ปฏิบัติงาน การทดสอบที่ถูกต้องและดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจของคุณปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและสร้างความมั่นใจให้แก่ทีมงานทุกคน
ที่ TTM CRANE เราเข้าใจดีว่าความปลอดภัยคือหัวใจของการทำงาน เราให้บริการตรวจสอบและ Test Load เครน โดยทีมวิศวกรเครื่องกลที่ได้รับใบอนุญาตระดับนิติบุคคลตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ. ความปลอดภัยฯ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับเอกสารรับรอง ปจ.1 ที่ถูกต้องตามกฎหมาย 100% เรายึดมั่นในการปฏิบัติตามคู่มือการใช้เครนในโรงงาน และมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้เครนของคุณพร้อมใช้งานและเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสำหรับธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง
ติดต่อเพื่อรับคำแนะนำ หรือสอบถามการอบรมได้ที่
Line: LINE
โทร: 0859082254
Facebook: รอกเครนลิฟต์ ttmcrane เครนและรอกไฟฟ้า ทีมตรวจซ่อมบำรุง อะไหล่ อบรมครบวงจร
Email: contact@ttmcrane.com