รวมครบจบในที่เดียว! 7 อุปกรณ์ช่วยยกของหนักขึ้นที่สูง เลือกใช้แบบไหนให้เหมาะกับงานและปลอดภัยที่สุด
ในโรงงานอุตสาหกรรมหรือคลังสินค้าทุกวันนี้ การยกของหนักขึ้นที่สูงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากคุณเลือกใช้อุปกรณ์ช่วยยกของหนักขึ้นที่สูงที่เหมาะสม การทำงานจะรวดเร็วขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว แต่หลายคนยังสับสนว่าควรเลือกใช้อุปกรณ์แบบไหนให้เหมาะกับงานของตัวเอง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับอุปกรณ์ยกของหนัก 7 ประเภทยอดนิยม พร้อมแนะนำวิธีเลือกซื้อและใช้งานอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน

ปัญหาการยกของหนักขึ้นที่สูงและความสำคัญของเครื่องทุ่นแรง
การยกของหนักในโรงงานหรือคลังสินค้าเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุดกิจกรรมหนึ่ง หากยังคงพึ่งพาแรงงานคนอย่างเดียวโดยไม่มีเครื่องมือช่วย ไม่เพียงแต่จะทำให้การทำงานช้า แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของพนักงานอย่างมาก การลงทุนในอุปกรณ์ทุ่นแรงที่เหมาะสมจึงไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ความเสี่ยงและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการยกของด้วยแรงงานคน
การยกของหนักด้วยมือเปล่าหรือใช้แรงงานคนเพียงอย่างเดียวมีความเสี่ยงมากมาย ตั้งแต่การบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อฉีกขาด ของตกใส่เท้า จนถึงอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจนำไปสู่ความพิการถาวร สถิติจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานพบว่า อุบัติเหตุจากการยกของหนักอยู่ในอันดับต้นๆ ของอุบัติเหตุในโรงงาน นอกจากนี้ พนักงานที่ต้องยกของหนักบ่อยๆ ยังมีแนวโน้มเกิดอาการบาดเจ็บสะสมที่กระดูกและข้อต่อในระยะยาว
ทำไมการลงทุนในอุปกรณ์ช่วยยกจึงคุ้มค่าในระยะยาว?
เมื่อคำนึงถึงต้นทุนที่แท้จริง การลงทุนในเครื่องจักรช่วยยกไม่ได้แพงอย่างที่คิด หากเทียบกับค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยจากอุบัติเหตุ และการสูญเสียกำลังการผลิตจากพนักงานบาดเจ็บ ประโยชน์ที่ได้รับมีดังนี้
- เพิ่มความเร็วในการทำงาน – อุปกรณ์ช่วยยกทำงานได้เร็วกว่าแรงคน 3-5 เท่า ลดระยะเวลาการยกของจาก 10-15 นาทีเหลือเพียง 2-3 นาที
- เพิ่มกำลังการผลิต – ทำให้โรงงานสามารถเพิ่มปริมาณการผลิตและจัดส่งสินค้าได้ตรงเวลามากขึ้น
- ลดค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุ – ประหยัดค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยจากการบาดเจ็บของพนักงาน
- รักษาบุคลากรที่มีคุณภาพ – สภาพการทำงานที่ปลอดภัยและไม่หักโหมร่างกายช่วยให้พนักงานที่มีความสามารถอยู่กับองค์กรได้ยาวนาน
รู้จัก 7 ประเภทอุปกรณ์ช่วยยกของหนักยอดนิยม ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
อุปกรณ์ช่วยยกมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกให้ถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงานได้อย่างมาก มาดูกันว่าแต่ละประเภทมีจุดเด่นอย่างไร
1. รอก (Hoist) – ตัวช่วยสุดคลาสสิกสำหรับงานยกแนวดิ่ง
รอกเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ยกของหนักในแนวดิ่งโดยเฉพาะ เหมาะกับงานที่ต้องยกสินค้าขึ้นลงบ่อยๆ ในจุดเดิม มีทั้งแบบที่ใช้แรงงานคนและแบบใช้ไฟฟ้า ทำให้สามารถเลือกได้ตามงบประมาณและความถี่ในการใช้งาน
ลอกโซ่มือสาว (Manual Chain Hoist) เป็นรอกที่ใช้แรงดึงโซ่ด้วยมือเพื่อยกหรือลดของ เหมาะสำหรับงานที่ไม่บ่อยนักหรือสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้า รับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 250 กิโลกรัมถึง 50 ตัน ราคาถูกและบำรุงรักษาง่าย แต่ใช้แรงคนค่อนข้างมากหากยกของหนักหรือสูงมาก ๆ
รอกไฟฟ้า (Electric Hoist) ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ยกของได้รวดเร็วและไม่ต้องใช้แรงคน มีทั้งแบบรอกโซ่ไฟฟ้าและลอกสลิงไฟฟ้า (Electric Wire Rope Hoist) ซึ่งใช้สลิงลวดแทนโซ่ เหมาะกับงานที่ต้องยกของบ่อยและหนักมาก รับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 125 กิโลกรัมถึงหลายสิบตัน สามารถควบคุมด้วยรีโมทไร้สายทำให้ปลอดภัยและสะดวกยิ่งขึ้น หากสนใจเรื่องรอกไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้
2. เครน (Crane) – สำหรับงานยกที่ต้องการกำลังสูงและระยะทำการที่กว้าง
เครนเป็นอุปกรณ์ยกของหนักระดับอุตสาหกรรมที่ช่วยให้สามารถยกและเคลื่อนย้ายของหนักได้ทั้งในแนวดิ่งและแนวราบ มีหลายประเภทให้เลือกตามพื้นที่และการใช้งาน
เครนเหนือศีรษะ (Overhead Crane) หรือเครนคานคู่ ติดตั้งบนราวที่ยึดกับโครงสร้างอาคาร สามารถเคลื่อนที่ได้ทั้งสองแกน ครอบคลุมพื้นที่กว้าง เหมาะกับโรงงานที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการยกของหนักไปวางได้หลายจุด รับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 1 ตันถึงหลายร้อยตัน
เครนขาสูง (Gantry Crane) มีขาค้ำพื้นเป็นของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งโครงสร้างอาคาร สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย เหมาะกับพื้นที่กลางแจ้งหรือในโกดังขนาดใหญ่ มักใช้ในท่าเรือ ลานเก็บคอนเทนเนอร์ หรือโรงงานประกอบเหล็ก
เครนแขนหมุน (Jib Crane) เป็นเครนที่มีแขนยื่นออกจากเสาและหมุนได้ 180-360 องศา เหมาะกับการยกของในพื้นที่แคบหรือจุดทำงานเฉพาะ เช่น ข้างสายการผลิต มุมโกดัง หรือภายในห้องเครื่องจักร ประหยัดพื้นที่และติดตั้งง่ายกว่าเครนแบบอื่น
3. รถยกฟอร์คลิฟท์ (Forklift) – ยกและเคลื่อนที่ในคันเดียว
ฟอร์คลิฟท์เป็นรถยกที่คล่องตัว สามารถยกและขนย้ายสินค้าไปพร้อมกันได้ มีทั้งแบบใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าสำหรับในร่มและแบบเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับกลางแจ้ง รับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 1-10 ตัน ยกได้สูงถึง 6-8 เมตร เหมาะกับงานในคลังสินค้า โรงงาน หรือท่าเทียบเรือ ข้อดีคือความคล่องตัวสูง แต่ต้องมีผู้ขับที่ผ่านการอบรมและมีใบอนุญาตขับรถยกตามกฎหมาย
4. ลิฟท์ขนของ (Goods Lift) – สำหรับการยกระหว่างชั้นในอาคาร
ลิฟท์บรรทุกสินค้าหรือลิฟท์อุตสาหกรรมออกแบบมาเพื่อขนส่งสินค้าระหว่างชั้นในอาคารหรือโรงงานที่มีหลายชั้น รับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 500 กิโลกรัมถึง 5 ตัน มีทั้งแบบที่ใส่คนร่วมด้วยได้ (ลิฟท์กึ่งโดยสาร) และแบบที่ห้ามโดยสารเด็ดขาด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในอาคารสูงหรือโกดังหลายชั้น ลดการใช้แรงงานคนขนของขึ้นลงบันได
5. โต๊ะยกปรับระดับ (Lift Table / Scissor Lift) – ยกของหนักในระดับความสูงไม่มาก
โต๊ะยกไฮดรอลิกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ยกสินค้าหรือพาเลทขึ้นลงเพื่อปรับระดับให้เหมาะกับการทำงาน เช่น การจัดเรียงสินค้า การบรรจุหีบห่อ หรือการซ่อมบำรุง ยกได้สูงประมาณ 1-4 เมตร รับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 500 กิโลกรัมถึง 3 ตัน ช่วยลดการก้มตัวและลดภาระกล้ามเนื้อหลังของพนักงาน เพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการทำงาน
6. สลิงและอุปกรณ์ประกอบการยก (Lifting Slings & Accessories) – ส่วนประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้
ไม่ว่าจะใช้รอกหรือเครนแบบไหน สลิงและอุปกรณ์เสริมคือตัวเชื่อมระหว่างเครื่องจักรกับของที่จะยก มีหลายชนิดเช่น สลิงลวดสลิงผ้า โซ่ยก ตะขอ ห่วงแหวน และเซฟตี้ตัดน้ำหนัก การเลือกใช้สลิงให้เหมาะสมกับน้ำหนักและรูปทรงของวัตถุเป็นเรื่องสำคัญมาก สลิงที่ชำรุดหรือใช้เกินพิกัดอาจขาดและทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ จึงต้องตรวจสอบสภาพและเปลี่ยนทดแทนเป็นประจำ
7. รถลากไฟฟ้าและรถสแตกเกอร์ (Electric Pallet Truck & Stacker) – เครื่องทุ่นแรงสำหรับคลังสินค้า
รถลากพาเลทไฟฟ้าช่วยเคลื่อนย้ายพาเลทได้ง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้แรงคนมาก มีทั้งแบบเดินตามและแบบยืนขับ รับน้ำหนักได้ประมาณ 1.5-3 ตัน รถสแตกเกอร์เป็นรถลากที่สามารถยกสูงได้ ประมาณ 3-5 เมตร เหมาะกับการจัดเก็บสินค้าบนชั้นวางในคลังสินค้า ช่วยประหยัดพื้นที่และเพิ่มความเร็วในการทำงานได้มาก เหมาะสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์และอีคอมเมิร์ซที่ต้องจัดการสินค้าจำนวนมาก
ตารางเปรียบเทียบอุปกรณ์ช่วยยกของหนักแต่ละประเภท
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น มาดูตารางเปรียบเทียบคร่าว ๆ ของอุปกรณ์แต่ละประเภท
| ประเภท | น้ำหนักที่รับได้ | ความสูงที่ยก | ข้อดี | ข้อเสีย |
| รอกมือสาว | 250 กก.-50 ตัน | 3-30 ม. | ราคาถูก ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า | ใช้แรงคนมาก ช้า |
| รอกไฟฟ้า | 125 กก.-50+ ตัน | 6-50 ม. | รวดเร็ว ประหยัดแรงคน | ต้องมีไฟฟ้า ราคาสูงกว่า |
| เครน | 1-100+ ตัน | 6-30 ม. | ครอบคลุมพื้นที่กว้าง ยกหนักมากได้ | ราคาแพง ติดตั้งซับซ้อน |
| ฟอร์คลิฟท์ | 1-10 ตัน | 3-8 ม. | คล่องตัว ยกและเคลื่อนที่พร้อมกัน | ต้องมีพื้นที่ ต้องมีใบขับ |
| ลิฟท์ขนของ | 500 กก.-5 ตัน | ตามชั้นอาคาร | เหมาะกับอาคารหลายชั้น | ติดตั้งแพง ไม่คล่องตัว |
| โต๊ะยกปรับระดับ | 500 กก.-3 ตัน | 1-4 ม. | ปรับระดับทำงานง่าย ราคาไม่แพง | ยกไม่สูงมาก ไม่เคลื่อนที่ได้ |
| รถลาก/สแตกเกอร์ | 1.5-3 ตัน | 0.2-5 ม. | คล่องตัว เหมาะกับคลัง | รับน้ำหนักได้น้อยกว่าเครน |
ตารางนี้เป็นเพียงค่าประมาณทั่วไป ในความเป็นจริงแต่ละรุ่นและยี่ห้อจะมีสเปคที่แตกต่างกัน ควรสอบถามผู้เชี่ยวชาญหรือดูข้อมูลจากผู้ผลิตโดยตรง
คู่มือเลือกซื้ออุปกรณ์ยกของหนัก ต้องพิจารณาอะไรบ้าง?
การเลือกซื้อเครื่องช่วยยกของหนักไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างเพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้งาน ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าในการลงทุน
- น้ำหนักและขนาดของวัตถุที่ต้องการยก (Load Capacity)
สิ่งแรกที่ต้องรู้คือน้ำหนักและขนาดของสินค้าที่จะยกมากที่สุด ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีพิกัดรับน้ำหนักสูงกว่าน้ำหนักจริงอย่างน้อย 20-30% เพื่อเผื่อความปลอดภัยและอายุการใช้งานที่ยาวนาน อย่าลืมคำนวณน้ำหนักของอุปกรณ์ช่วยยกเองด้วย เช่น สลิง ตะขอ หรือแคล้มป์ที่ต้องใช้ร่วมกัน
- ความสูงในการยก (Lifting Height)
วัดระยะความสูงที่ต้องการยกจากพื้นถึงจุดสูงสุด รวมถึงความสูงของเพดานหรือโครงสร้างที่จะติดตั้งอุปกรณ์ รอกและเครนแต่ละรุ่นมีความยาวของโซ่หรือสลิงที่แตกต่างกัน หากยกไม่ถึงก็ใช้งานไม่ได้ และหากยาวเกินไปก็อาจทำให้โซ่หรือสลิงพันกันหรือเสียหายได้
- ลักษณะของพื้นที่ทำงาน
พื้นที่ทำงานมีผลต่อการเลือกประเภทอุปกรณ์ หากเป็นงานกลางแจ้งควรเลือกอุปกรณ์ที่ทนทานต่อสภาพอากาศและมีการป้องกันสนิม หากพื้นที่แคบอาจไม่เหมาะกับฟอร์คลิฟท์แต่เหมาะกับเครนแขนหมุน พื้นผิวที่ไม่เรียบหรือมีความลาดชันต้องเลือกอุปกรณ์ที่มีล้อแข็งแรงและระบบเบรกดี
- ความถี่ในการใช้งาน
หากต้องใช้งานบ่อยหลายครั้งต่อวัน ควรเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทนทานและซ่อมบำรุงง่าย แต่ถ้าใช้แค่เดือนละไม่กี่ครั้ง รอกมือสาวก็อาจเพียงพอและประหยัดกว่า ความถี่การใช้งานมีผลต่ออายุการใช้งานและความคุ้มค่าในการลงทุนด้วย
- งบประมาณและการบำรุงรักษา
ตั้งงบประมาณให้ชัดเจนทั้งค่าซื้อเริ่มแรก ค่าติดตั้ง และค่าบำรุงรักษาประจำปี อุปกรณ์ที่ราคาถูกอาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูง ขณะที่อุปกรณ์คุณภาพดีแม้แพงกว่าแต่ทนทานและประหยัดในระยะยาว ควรเปรียบเทียบ Total Cost of Ownership (TCO) มากกว่าแค่ราคาซื้อตอนแรก
- มาตรฐานความปลอดภัยและใบรับรอง (ปจ.1, ปจ.2)
อุปกรณ์ยกของหนักทุกชิ้นต้องผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย เช่น มาตรฐาน CE, ISO หรือตามที่กฎหมายไทยกำหนด ตาม พ.ร.บ. ความปลอดภัย ฯ จะต้องมีใบรับรอง ปจ.1 (ทดสอบน้ำหนักและตรวจสอบความปลอดภัย) และทำการตรวจสอบประจำปี ผู้ขายที่เชื่อถือได้ต้องสามารถจัดเตรียมเอกสารและบริการทดสอบเหล่านี้ให้ได้
ข้อควรระวังและเทคนิคการใช้งานเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
มีอุปกรณ์ที่ดีอย่างเดียวไม่พอ การใช้งานอย่างถูกต้องและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร ผู้ประกอบการและพนักงานทุกคนควรตระหนักและปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้
การตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งานทุกครั้ง
ก่อนใช้งานทุกครั้ง ต้องตรวจสอบสภาพของอุปกรณ์อย่างละเอียด ดูว่ามีรอยแตก รอยสึก หรือส่วนที่ชำรุดหรือไม่ โดยเฉพาะสลิง โซ่ ตะขอ และเบรก หากพบความผิดปกติต้องหยุดใช้งานทันทีและแจ้งซ่อม การละเลยการตรวจสอบอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรง
การอบรมผู้ใช้งานและการให้สัญญาณที่ถูกต้อง
ผู้ควบคุมและใช้งานอุปกรณ์ยกของหนักต้องผ่านการอบรมและมีใบรับรองตามกฎหมาย โดยเฉพาะผู้ขับฟอร์คลิฟท์และผู้ควบคุมเครน ต้องรู้วิธีใช้งาน สัญญาณมือมาตรฐาน และขั้นตอนฉุกเฉินเมื่อเกิดปัญหา การสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างผู้ให้สัญญาณกับผู้ควบคุมเครื่องจักรเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
การบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่กำหนด
ทำการบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามตารางที่ผู้ผลิตกำหนด เช่น เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น ตรวจสอบระบบไฟฟ้า เปลี่ยนสลิงที่สึกหรอ และทดสอบเบรก การบำรุงรักษาสม่ำเสมอจะช่วยให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ลดโอกาสเสียกลางคันและต้นทุนการซ่อมแซมในภายหลัง นอกจากนี้ ตามกฎหมายแล้ว อุปกรณ์ยกของหนักต้องได้รับการตรวจสอบและรับรอง ปจ.2 (ใบตรวจสอบเครื่องจักรเป็นระยะ) เป็นประจำทุกปี
สรุปบทความ
การเลือกอุปกรณ์ช่วยยกของหนักขึ้นที่สูงที่เหมาะสมไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาหรือแบรนด์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาจากลักษณะงาน น้ำหนักที่ต้องยก พื้นที่ใช้งาน และความถี่ในการใช้งาน รอกและเครนแต่ละประเภทมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การวิเคราะห์ความต้องการอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณได้อุปกรณ์ที่ทั้งมีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาอุปกรณ์ยกของหนักสำหรับโรงงานหรือคลังสินค้า TTM Crane พร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขายครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีและมาตรฐานสากล ISO 9001:2015, ISO 14001:2015 และ ISO 45001:2018 เรามีศูนย์บริการทั้งที่พระราม 2 สมุทรสาคร และศรีราชา พร้อมทีมช่างมืออาชีพและอะไหล่พร้อมส่งกว่า 1,000 รายการ รวมถึงบริการทดสอบน้ำหนัก ออกใบรับรอง ปจ.1 และอบรมผู้ใช้งานตามกฎหมาย
ติดต่อเพื่อรับคำแนะนำ หรือสอบถามได้ที่
📞 Tel: 092-874-4551
💬 ID Line: jirayuttm
📘 Facebook: https://www.facebook.com/ttmcrane
📧 Email: contact@ttmcrane.com
🌐 Website: http://www.ttmcrane.com















